Recent Stories

การโจมตีแบบ DDoS ภัยคุกคามไซเบอร์ที่ไม่ควรมองข้าม

ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีนำมาซึ่งโอกาสทางธุรกิจมากมาย แต่ก็แฝงไปด้วยภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น หนึ่งในภัยคุกคามที่สร้างความเสียหายร้ายแรงให้กับองค์กรทั่วโลกคือ การโจมตีแบบ DDoS (Distributed Denial of Service) ซึ่งมุ่งเป้าทำลายการให้บริการออนไลน์ สร้างความเสียหายทั้งด้านการเงินและชื่อเสียง

 
DDoS-คออะไร-และทำไมจงอนตราย.png


DDoS คืออะไร และทำไมจึงอันตราย?

DDoS เป็นการโจมตีที่ใช้เครื่องคอมพิวเตอร์จำนวนมากส่งคำขอพร้อมกันไปยังระบบเป้าหมาย จนเกินขีดความสามารถในการรองรับ
ส่งผลให้ระบบล่มหรือทำงานช้าลงอย่างมาก ผู้โจมตีมักใช้เครือข่ายของเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ถูกควบคุม (Botnet) เพื่อเพิ่มกำลังในการโจมตี
ความอันตรายของ DDoS อยู่ที่ความสามารถในการสร้างความเสียหายอย่างรวดเร็วและกว้างขวาง:
  1. ทำให้บริการออนไลน์หยุดชะงัก ส่งผลกระทบต่อรายได้และความพึงพอใจของลูกค้า
  2. สร้างความเสียหายต่อชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือขององค์กร
  3. เพิ่มภาระค่าใช้จ่ายในการกู้คืนระบบและเสริมความแข็งแกร่งด้านความปลอดภัย

รูปแบบการโจมตี DDoS ที่พบบ่อย

การโจมตี DDoS มีหลากหลายรูปแบบ แต่ละแบบมีเป้าหมายและวิธีการที่แตกต่างกัน
  1. การโจมตีแบบปริมาณสูง (Volumetric Attacks): ใช้วิธีส่งข้อมูลจำนวนมหาศาลเพื่อทำให้แบนด์วิดท์ถูกใช้จนหมด ทำให้ผู้ใช้ทั่วไปไม่สามารถเข้าถึงบริการได้
  2. การโจมตีที่ชั้นแอปพลิเคชัน (Application Layer Attacks): มุ่งเป้าไปที่จุดอ่อนของแอปพลิเคชัน เช่น การส่งคำขอ HTTP ที่ซับซ้อนจำนวนมาก ทำให้เซิร์ฟเวอร์ประมวลผลไม่ทัน
  3. การโจมตีที่โปรโตคอล (Protocol Attacks): เน้นทำลายโปรโตคอลการสื่อสารในเครือข่าย เช่น การโจมตีแบบ SYN Flood ที่ส่งคำขอเชื่อมต่อจำนวนมากจนระบบรับมือไม่ไหว
  4. DNS Amplification Attacks: ใช้เซิร์ฟเวอร์ DNS เพื่อขยายขนาดของการโจมตี โดยส่งคำขอขนาดเล็กแต่ได้รับการตอบกลับขนาดใหญ่ ทำให้ระบบเป้าหมายล่มอย่างรวดเร็ว

วิธีการโจมตีแบบ DDoS ที่แฮกเกอร์นิยมใช้

แฮกเกอร์มีเครื่องมือและวิธีการหลากหลายในการโจมตีแบบ DDoS
  1. การใช้ Botnet: เครือข่ายของเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ถูกควบคุมโดยแฮกเกอร์ ใช้ในการส่งคำขอพร้อมกันจำนวนมหาศาล
  2. บริการ DDoS-as-a-Service: แฮกเกอร์สามารถเช่าบริการโจมตี DDoS จากตลาดมืด ทำให้การโจมตีเป็นเรื่องง่ายแม้สำหรับผู้ที่ไม่มีทักษะทางเทคนิคสูง
  3. การใช้อุปกรณ์ IoT: อุปกรณ์ IoT ที่มีความปลอดภัยต่ำมักถูกใช้เป็นเครื่องมือในการโจมตี DDoS เนื่องจากมีจำนวนมากและมักไม่ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม

ผลกระทบของการโจมตี DDoS ต่อธุรกิจ

การโจมตี DDoS สร้างผลกระทบร้ายแรงให้กับองค์กรในหลายด้าน
  1. การหยุดชะงักของบริการ: ทำให้ลูกค้าไม่สามารถเข้าถึงบริการได้ ส่งผลต่อความพึงพอใจและความเชื่อมั่น
  2. ความเสียหายทางการเงิน: นอกจากรายได้ที่สูญเสียระหว่างที่ระบบล่ม ยังมีค่าใช้จ่ายในการกู้คืนระบบและเสริมความปลอดภัย
  3. ผลกระทบต่อชื่อเสียง: การถูกโจมตีอาจทำให้ลูกค้าสูญเสียความเชื่อมั่นและหันไปใช้บริการของคู่แข่ง
  4. ค่าใช้จ่ายในการป้องกันและกู้คืน: องค์กรต้องลงทุนในเทคโนโลยีและบุคลากรเพื่อป้องกันการโจมตีในอนาคต
     
สถตนาตกใจเกยวกบการโจมต-DDoS-ในป-2023.png

สถิติน่าตกใจเกี่ยวกับการโจมตี DDoS ในปี 2023

ข้อมูลจากรายงานความปลอดภัยไซเบอร์ล่าสุดเผยให้เห็นถึงความรุนแรงของการโจมตี DDoS ที่เพิ่มขึ้น
  • การโจมตีแบบ DNS Amplification เพิ่มขึ้น 68%
  • การโจมตีมีความซับซ้อนและปริมาณเพิ่มขึ้น 79% เมื่อเทียบกับปี 2022
  • การโจมตีที่ชั้นแอปพลิเคชัน (Layer 7) เพิ่มขึ้น 87%
  • ธุรกิจการเงินและอีคอมเมิร์ซเป็นเป้าหมายหลัก โดยมีการโจมตีเพิ่มขึ้น 92%
  • ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อการโจมตีหนึ่งครั้งอยู่ที่ประมาณ $218,000
  • การโจมตีที่ใหญ่ที่สุดในปี 2023 มีขนาดมากกว่า 3.5 Tbps
  • การโจมตีในอุตสาหกรรมพลังงานเพิ่มขึ้นถึง 150%
  • มีการตรวจพบการโจมตี DDoS เฉลี่ย 28,700 ครั้งต่อวันทั่วโลก
  • มี Botnet ที่ใช้งานมากกว่า 10 ล้านเครื่องในปี 2023

กลยุทธ์การป้องกันและลดความเสี่ยงจากการโจมตี DDoS

การป้องกันและรับมือกับการโจมตี DDoS ต้องอาศัยการวางแผนที่รอบคอบและการใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม
  1. ใช้บริการป้องกัน DDoS ที่ทันสมัย: บริการเหล่านี้สามารถตรวจจับและบรรเทาการโจมตีแบบเรียลไทม์ เช่น การใช้ Content Delivery Network (CDN) หรือบริการคลาวด์ที่มีระบบป้องกัน DDoS ในตัว
  2. วางแผนรับมือกับการโจมตี (Incident Response Plan): จัดทำแผนรับมือที่ครอบคลุม ระบุขั้นตอนการปฏิบัติ และกำหนดผู้รับผิดชอบอย่างชัดเจน
  3. เพิ่มความสามารถในการรองรับ: ใช้เซิร์ฟเวอร์สำรอง เพิ่มแบนด์วิดท์ และกระจายโหลดเพื่อรองรับปริมาณการใช้งานที่สูงขึ้น
  4. ตรวจสอบและป้องกันช่องโหว่: ทำการทดสอบความปลอดภัยเป็นประจำ และปรับปรุงระบบให้ทันสมัยอยู่เสมอ
  5. ใช้ระบบเฝ้าระวังและแจ้งเตือนแบบเรียลไทม์: ติดตั้งระบบที่สามารถตรวจจับพฤติกรรมผิดปกติและแจ้งเตือนทีมงานได้ทันที
  6. ฝึกอบรมพนักงาน: ให้ความรู้แก่พนักงานเกี่ยวกับภัยคุกคาม DDoS และวิธีการรับมือเบื้องต้น
  7. ทำงานร่วมกับผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (ISP): ประสานงานกับ ISP เพื่อวางแผนป้องกันและรับมือกับการโจมตีในระดับเครือข่าย
  8. ใช้เทคโนโลยี AI และ Machine Learning: นำเทคโนโลยีล้ำสมัยมาช่วยในการวิเคราะห์รูปแบบการโจมตีและปรับปรุงการป้องกันอย่างต่อเนื่อง


ข้อแนะนำสำคัญสำหรับองค์กรในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งต่อการโจมตี DDoS

  1. ลงทุนในระบบป้องกันที่ทันสมัย: ใช้โซลูชันที่สามารถปรับตัวได้ตามรูปแบบการโจมตีที่เปลี่ยนแปลงไป
  2. สร้างวัฒนธรรมความปลอดภัย: ให้ความรู้แก่พนักงานทุกระดับเกี่ยวกับความเสี่ยงและวิธีการรับมือ
  3. วางแผนและฝึกซ้อมอย่างสม่ำเสมอ: จัดทำแผนรับมือและทดสอบประสิทธิภาพเป็นประจำ
  4. สร้างเครือข่ายความร่วมมือ: แลกเปลี่ยนข้อมูลกับองค์กรอื่นและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกัน
  5. ติดตามแนวโน้มและพัฒนาการใหม่ๆ: อัปเดตความรู้เกี่ยวกับเทคนิคการโจมตีและวิธีการป้องกันล่าสุดอยู่เสมอ

ในโลกที่การพึ่งพาเทคโนโลยีดิจิทัลเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง การป้องกันระบบและข้อมูลจากการโจมตี DDoS ไม่ใช่เพียงเรื่องของแผนกไอที แต่เป็นความรับผิดชอบร่วมกันของทั้งองค์กร การลงทุนในการป้องกันวันนี้อาจหมายถึงการรักษาความต่อเนื่องทางธุรกิจและความไว้วางใจของลูกค้าในวันข้างหน้า
ท้ายที่สุด การรับมือกับภัยคุกคาม DDoS เป็นการวิ่งมาราธอน ไม่ใช่การวิ่งระยะสั้น องค์กรต้องพร้อมปรับตัว เรียนรู้ และพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อรับมือกับภัยคุกคามที่วิวัฒนาการไม่หยุดนิ่ง ด้วยความมุ่งมั่นและการเตรียมพร้อมที่ดี องค์กรจะสามารถปกป้องตนเองและดำเนินธุรกิจได้อย่างมั่นคงแม้ในยุคที่ภัยคุกคามทางไซเบอร์รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ

แหล่งข้อมูลอ้างอิง

02/12/2567
ทำไม DMARC ถึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับทุกองค์กรในยุคดิจิทัล DMARC (Domain-based Message Authentication, Reporting & Conformance) เป็นโปรโตคอลที่ถูกออกแบบมาเพื่อปกป้องโดเมนของคุณจากการโจมตีทางอีเมล เช่น การปลอมแปลงอีเมล (Email Spoofing) ซึ่งมักใช้เพื่อส่งสแปมหรือฟิชชิ่ง DMARC ช่วยให้ผู้ส่งสามารถกำหนดนโยบายในการตรวจสอบและยืนยันความถูกต้องของอีเมลที่ถูกส่งจากโดเมนของตน โดยใช้เทคนิคการยืนยันตัวตน เช่น SPF (Sender Policy Framework) และ DKIM (DomainKeys Identified Mail)
ดู 999 ครั้ง
29/11/2567
"เหนือกว่าในเรื่องของการป้องกัน" ทำไม Proofpoint จึงเป็นพาร์ทเนอร์ความปลอดภัยที่ไม่ควรมองข้ามในปี 2024 ในโลกที่ภัยคุกคามทางไซเบอร์มีการพัฒนาและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การป้องกันและความปลอดภัยทางไอทีไม่ใช่แค่เรื่องของการเพิ่มเติมคุณสมบัติหรืออัปเดตซอฟต์แวร์อีกต่อไป แต่เป็นการลงทุนที่จำเป็นสำหรับอนาคตขององค์กรทุกขนาด Proofpoint ผู้ให้บริการโซลูชันความปลอดภัยทางไซเบอร์ชั้นนำ
ดู 999 ครั้ง
25/11/2567
แนวโน้มการโจมตีทางไซเบอร์ 2018-2023 เมื่อค่าไถ่พุ่งสูงขึ้น 90% ใน 1 ปี แนวโน้มการโจมตีทางไซเบอร์ 2018-2023 เมื่อค่าไถ่พุ่งสูงขึ้น 90% ใน 1 ปี
ดู 999 ครั้ง