ความปลอดภัยของข้อมูลเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับทุกองค์กร โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อข้อมูลมีมูลค่าสูงและสามารถส่งผลกระทบต่อ
ความมั่นคงทางการเงินและชื่อเสียงของธุรกิจ หนึ่งในความเสี่ยงที่สำคัญที่องค์กรต้องเผชิญคือภัยคุกคามจากบุคคลภายใน หรือที่เรียกว่า Insider Threats
ภัยคุกคามจากบุคคลภายในคืออะไร?
Insider Threats หมายถึง การกระทำที่เป็นอันตรายต่อองค์กร โดยบุคคลที่มีสิทธิ์เข้าถึงข้อมูลและระบบภายใน ซึ่งอาจเป็นพนักงาน
ผู้รับจ้าง หรือคู่ค้าทางธุรกิจ พวกเขาสามารถก่อให้เกิดความเสียหายได้ทั้งโดยตั้งใจและไม่ตั้งใจ ตัวอย่างเช่น การขโมยข้อมูลเพื่อประโยชน์ ส่วนตัว หรือการส่งข้อมูลสำคัญไปยังบุคคลภายนอกโดยความผิดพลาด
รูปแบบของภัยคุกคามจากบุคคลภายใน
-
Malicious Insider : บุคคลที่มีเจตนาร้าย ตั้งใจสร้างความเสียหายให้กับองค์กร
-
Negligent Insider : บุคคลที่ไม่มีเจตนาร้าย แต่อาจก่อให้เกิดความเสียหายจากความประมาทหรือขาดความระมัดระวัง
-
Compromised Insider : บุคคลที่ถูกโจมตีจากภายนอก เช่น ถูกหลอกให้เปิดเผยข้อมูลการเข้าสู่ระบบ
สถิติที่น่าสนใจเกี่ยวกับ Insider Threats
-
จำนวนเหตุการณ์ Insider Threats เพิ่มขึ้น 47% ในช่วงสองปีที่ผ่านมา
-
ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยในการจัดการเหตุการณ์ต่อครั้งเพิ่มขึ้นจาก 8.76 ล้านดอลลาร์ในปี 2020 เป็น 11.45 ล้านดอลลาร์ในปี 2023
-
องค์กรใช้เวลาเฉลี่ย 85 วันในการค้นพบและแก้ไขปัญหาจาก Insider Threats
ผลกระทบต่อองค์กร
ภัยคุกคามจากบุคคลภายในไม่เพียงแต่สร้างความเสียหายทางการเงินเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงขององค์กรอย่างร้ายแรง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับบริษัทที่จัดการข้อมูลลูกค้า การรั่วไหลของข้อมูลสามารถทำลายความเชื่อมั่นจากลูกค้าและคู่ค้าได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งอาจนำไปสู่การสูญเสียโอกาสทางธุรกิจอย่างมหาศาล
การป้องกันและจัดการภัยคุกคามจากบุคคลภายใน
-
การฝึกอบรมพนักงาน : จัดการอบรมเกี่ยวกับความปลอดภัยทางไซเบอร์และความสำคัญของการปกป้องข้อมูลองค์กรอย่างสม่ำเสมอ
-
การควบคุมการเข้าถึงข้อมูล : กำหนดสิทธิ์การเข้าถึงข้อมูลอย่างเข้มงวด ให้พนักงานเข้าถึงเฉพาะข้อมูลที่จำเป็นต่อการทำงานเท่านั้น
-
การเฝ้าระวังและตรวจจับ : ใช้ระบบติดตามพฤติกรรมการใช้งานของพนักงานเพื่อตรวจจับกิจกรรมที่ผิดปกติ
-
การใช้เทคโนโลยีป้องกัน : ติดตั้งระบบป้องกันการรั่วไหลของข้อมูล (Data Loss Prevention - DLP) เพื่อป้องกันการแชร์ข้อมูลที่ไม่ได้รับอนุญาต
แนวโน้มและการคาดการณ์ในอนาคต
ภัยคุกคามจากบุคคลภายในมีแนวโน้มที่จะทวีความรุนแรงและซับซ้อนมากขึ้น โดยมีปัจจัยสำคัญ ดังนี้
-
การทำงานระยะไกลและ Hybrid Work : รูปแบบการทำงานที่ยืดหยุ่นมากขึ้นเพิ่มความเสี่ยงในการเข้าถึงข้อมูลจากภายนอกองค์กร
-
การใช้เทคโนโลยีคลาวด์ : การย้ายระบบไปสู่คลาวด์ทำให้การควบคุมสิทธิ์การเข้าถึงข้อมูลซับซ้อนยิ่งขึ้น
-
ภัยคุกคามจาก AI และ Automation : การใช้ AI และระบบอัตโนมัติอาจถูกนำไปใช้ในทางที่ผิดโดย Insider Threats
-
การเพิ่มขึ้นของข้อมูลที่ไม่ได้รับการจัดเก็บอย่างปลอดภัย : ปริมาณข้อมูลที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วทำให้การจัดการความปลอดภัยทำได้ยากขึ้น
-
ความซับซ้อนของระบบความปลอดภัยแบบผสมผสาน : การบูรณาการระบบความปลอดภัยหลายระบบเข้าด้วยกันอาจทำให้การตรวจจับพฤติกรรมที่น่าสงสัยซับซ้อนยิ่งขึ้น
การเตรียมพร้อมรับมือกับภัยคุกคามในอนาคต
เพื่อรับมือกับภัยคุกคามที่ซับซ้อนมากขึ้น องค์กรควรพิจารณาแนวทางต่อไปนี้
-
การใช้ AI ในการวิเคราะห์พฤติกรรม : นำ AI มาใช้ในการตรวจจับพฤติกรรมที่ผิดปกติและการใช้งานที่น่าสงสัย
-
การพัฒนาระบบป้องกันแบบปรับตัวได้ : ใช้โซลูชันที่สามารถปรับตัวตามรูปแบบของภัยคุกคามที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างต่อเนื่อง
-
การสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัย : ปลูกฝังจิตสำนึกด้านความปลอดภัยให้กับพนักงานทุกระดับในองค์กร
-
การทบทวนและปรับปรุงนโยบายความปลอดภัยอย่างสม่ำเสมอ : ตรวจสอบและปรับปรุงนโยบายให้ทันสมัยอยู่เสมอเพื่อรองรับความเสี่ยงใหม่ๆ
-
การฝึกซ้อมรับมือเหตุการณ์ : จัดการฝึกซ้อมเพื่อทดสอบความพร้อมในการรับมือกับภัยคุกคามจากบุคคลภายในอย่างสม่ำเสมอ
ภัยคุกคามจากบุคคลภายในเป็นความท้าทายที่สำคัญสำหรับทุกองค์กร การเข้าใจถึงรูปแบบของภัยคุกคาม ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น
และแนวทางในการป้องกันเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง องค์กรต้องพัฒนากลยุทธ์การรักษาความปลอดภัยที่ครอบคลุม ทั้งในด้านเทคโนโลยี กระบวนการ และการฝึกอบรมบุคลากร เพื่อลดความเสี่ยงและปกป้องทรัพย์สินที่มีค่าที่สุดขององค์กร นั่นคือ ข้อมูลและชื่อเสียง การเตรียมพร้อมรับมือกับภัยคุกคามที่กำลังวิวัฒนาการอย่างต่อเนื่องจะช่วยให้องค์กรสามารถรักษาความปลอดภัยและความไว้วางใจจากลูกค้าและ
ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียได้ในระยะยาว
แหล่งอ้างอิง