ความปลอดภัยทางไซเบอร์เป็นประเด็นสำคัญที่องค์กรต่างๆ ต้องให้ความสนใจอย่างจริงจัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อภัยคุกคามทางไซเบอร์
มีความซับซ้อนและรุนแรงมากขึ้นทุกวัน Proofpoint เป็นโซลูชันที่ได้รับการยอมรับในการรับมือกับความท้าทายด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ บทความนี้จะนำเสนอ 7 เหตุผลที่แสดงให้เห็นว่าการเปลี่ยนมาใช้ Proofpoint จะช่วยยกระดับความปลอดภัยของระบบในองค์กรของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ
1. การป้องกันการโจมตีแบบ Phishing อย่างครอบคลุม
Proofpoint ใช้เทคโนโลยีการเรียนรู้ของ Machine Learning และการวิเคราะห์พฤติกรรมในการตรวจจับและป้องกันการโจมตีแบบ Phishing
ที่พยายามหลอกลวงพนักงานให้เปิดเผยข้อมูลสำคัญ ระบบนี้สามารถตรวจจับและบล็อกอีเมลที่เป็นอันตรายได้ก่อนที่จะเข้าถึงกล่องจดหมายของผู้ใช้ ลดความเสี่ยงในการถูกหลอกลวงข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพ
2. ป้องกันการโจมตีแบบ Ransomware ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากการป้องกัน Phishing แล้ว Proofpoint ยังมีการป้องกันที่ครอบคลุมสำหรับการโจมตีแบบ Ransomware โดยสามารถตรวจจับ
ไฟล์แนบที่อาจมีการฝังมัลแวร์ และบล็อกการดาวน์โหลดหรือการเปิดไฟล์ที่อาจเป็นอันตราย ช่วยป้องกันการโจมตีที่มุ่งเข้ารหัสข้อมูลและ
เรียกค่าไถ่ซึ่งเป็นภัยคุกคามที่สร้างความเสียหายอย่างมากให้กับองค์กร
3. ระบบตรวจสอบและป้องกันการรั่วไหลของข้อมูล (DLP)
Proofpoint มีฟีเจอร์ Data Loss Prevention (DLP) ที่ช่วยตรวจสอบและป้องกันการรั่วไหลของข้อมูลที่สำคัญ โดยสามารถตั้งค่า
การตรวจสอบการส่งข้อมูลออกจากองค์กร และบล็อกการส่งข้อมูลที่ไม่ตรงตามนโยบายขององค์กร ทำให้มั่นใจได้ว่าข้อมูลสำคัญ
จะถูกเก็บรักษาอย่างปลอดภัย ลดความเสี่ยงจากการสูญเสียข้อมูลที่อาจเกิดจากความไม่ตั้งใจหรือการโจมตีจากภายนอก
4. การป้องกันอีเมลปลอม (Email Spoofing)
เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการสื่อสารทางอีเมล Proofpoint ใช้งานโปรโตคอล DMARC (Domain-based Message Authentication, Reporting & Conformance) ซึ่งทำงานร่วมกับ SPF (Sender Policy Framework) และ DKIM (DomainKeys Identified Mail)
เพื่อยืนยันความถูกต้องของผู้ส่งอีเมล ป้องกันการปลอมแปลงโดเมนและการโจมตีแบบอีเมลปลอมที่มุ่งเน้นการหลอกลวงผู้ใช้
ช่วยสร้างความน่าเชื่อถือในการสื่อสารทางอีเมลขององค์กร
5. การป้องกันภัยคุกคามที่มาจากอุปกรณ์เคลื่อนที่
ในยุคที่การทำงานจากระยะไกลเป็นเรื่องปกติ Proofpoint ได้พัฒนาระบบที่สามารถตรวจจับและป้องกันการโจมตีที่มุ่งเป้าไปยังอุปกรณ์เคลื่อนที่ เช่น สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต โดยมีการติดตามพฤติกรรมของผู้ใช้และตรวจจับความผิดปกติที่อาจบ่งชี้ถึงการโจมตีผ่านอุปกรณ์เหล่านี้ ช่วยให้องค์กรสามารถปกป้องข้อมูลได้แม้ในสภาพแวดล้อมการทำงานที่หลากหลาย
6. เครื่องมือสำหรับการสร้างความตระหนักรู้แก่ผู้ใช้ในองค์กรเพื่อลดความเสี่ยงจากภัยคุกคาม
นอกจากการป้องกันทางเทคนิคแล้ว Proofpoint ยังมอบเครื่องมือสำหรับฝึกอบรมความรู้ความปลอดภัยทางไซเบอร์ให้กับพนักงานในองค์กร โดยเน้นการให้ความรู้เกี่ยวกับวิธีการโจมตีที่เป็นไปได้ เช่น Phishing และวิธีการตอบสนองเมื่อพบอีเมลหรือข้อมูลที่น่าสงสัย การฝึกอบรมนี้ช่วยลดโอกาสที่พนักงานจะตกเป็นเหยื่อของการโจมตี เสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับ "ไฟร์วอลล์มนุษย์" ขององค์กร
7. การป้องกันข้อมูลบนคลาวด์อย่างครอบคลุม
ในยุคที่การใช้บริการคลาวด์เป็นเรื่องปกติ Proofpoint ได้พัฒนาระบบป้องกันข้อมูลที่ถูกจัดเก็บและใช้งานบนบริการคลาวด์
เช่น Microsoft 365 และ Google Workspace โดยสามารถตรวจสอบการเข้าถึงข้อมูลและบล็อกการกระทำที่ไม่พึงประสงค์
ช่วยให้ข้อมูลสำคัญขององค์กรบนคลาวด์มีความปลอดภัยจากการโจมตีและการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต
การเปลี่ยนมาใช้ Proofpoint ไม่เพียงแต่ช่วยป้องกันภัยคุกคามจากไซเบอร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ยังช่วยเสริมสร้างการจัดการ
ความปลอดภัยของข้อมูลและให้ความรู้แก่ผู้ใช้ในองค์กร การผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีขั้นสูง การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก และการฝึกอบรมบุคลากร ทำให้ Proofpoint เป็นโซลูชันที่ครอบคลุมสำหรับการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ ช่วยให้องค์กรสามารถปกป้องข้อมูลสำคัญ ลดความเสี่ยงจากการโจมตี และสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่แข็งแกร่งภายในองค์กร ด้วยเหตุผลทั้ง 7 ประการนี้
การเปลี่ยนมาใช้ Proofpoint จึงเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับความปลอดภัยของระบบในองค์กรให้แข็งแกร่งและพร้อมรับมือกับภัยคุกคามทางไซเบอร์ในทุกรูปแบบ